วิธีสังเกตุเบื้องต้น

ผู้ที่สงสัยว่าตนเองกินยาหรืออาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือไม่ สามารถสังเกตง่ายๆในเบื้องต้น ดังนี้

  • หลังจากกินยาหรืออาหารเสริมบำรุงสุขภาพ ชนิดนี้แล้ว อาการปวดเมื่อยหายไปอย่างรวดเร็ว
  • เจริญอาหาร หิวบ่อย กินอาหารได้เยอะขึ้น
  • ใบหน้าบวมแดงจนเห็นเส้นเลือดฝอย
  • ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมักจะมีการโฆษณาอวดอ้างเกินจริง เช่น อ้างว่าสามารถรักษาโรคได้สารพัดโรค แบบ ครอบจักรวาล รวมถึงสามารถรักษาโรคที่การแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เช่น โรคเบาหวาน อัมพาต มะเร็ง
  • การขายมักเป็นการบอกต่อๆกัน ส่วนสถานที่ขายก็มักจะไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน เช่น ขายทางรถเร่ ส่งทางไปรษณีย์ หากมีผู้รับมาขายต่อในชุมชน ก็มักไม่สามารถระบุแหล่งผลิตหรือผู้ขายได้อย่างชัดเจนแน่นอน
  • มักใช้เลขทะเบียนตำรับยาปลอม (ผู้บริโภคสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่เวปไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา http://www.fda.moph.go.th คลิ๊กเลือก ข้อมูลผลิตภัณฑ์ หรือสอบถามได้ที่ 0-2590-7191

ข้อควรระวังระหว่างที่ได้รับการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์จากหมอ

# ผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ ข้อแนะนำ
1. โรคกระเพาะอาหาร ไม่ควรกินอาหารที่มีรสจัด เค็ม เปรี้ยว เผ็ด หรือกินยาแก้ปวดแก้อักเสบ เพราะสเตียรอยด์มีผลทำให้กระเพาะอาหารบางลง จะทำให้เกิดระคายเคือง กระเพาะอาหารจนกระเพาะอาหารเกิดเป็นแผลได้ และสเตียรอยด์เมื่อเข้าไปในร่างกายจะไป ออกฤทธิ์บริเวณที่มีการอักเสบ หรือบริเวณที่เป็นแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้อาการปวดของโรคและอาการปวดแสบในท้องลดลง จนไม่มีอาการแสดงของโรคกระเพาะเลย ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวว่าอาการของโรคกระเพาะของตนเองรุนแรงถึงขนาดไหน กว่าจะรู้ตัวอีกที กระเพาะอาหารก็อาจทะลุจนยากที่จะรักษา ควรกินอาหารรสอ่อนๆปรุงแต่งน้อย และกินยาแก้อักเสบหลังกินอาหารแล้วทุกครั้งห้ามกินขณะท้องว่างหรือห้ามกินกับน้ำอัดลมดังนั้นในผู้ป่วยที่ต้องใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน หมอมักจะให้ยาป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้สูงอายุ ที่จำเป็นต้องได้รับยารักษาโรค อีกทั้งต้องส่องกล้องดูภายในช่องท้องอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจดูผนังกระเพาะอาหารและลำไล้ว่ามีแผลเกิดขึ้นหรือไม่ จะได้รักษาได้ทันท่วงที
2. นำ้หนักเพิ่มง่าย ต้องใช้ความพยายามควบคุมอาหารมากกว่าคนปกติ โดยเฉพาะอาหารจำพวกไขมัน เนื่องจากสเตียรอยด์ จะทำให้ผู้ที่กินยานี้อยู่มีความอยากกินอาหารมากขึ้น กินอาหารได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เพิ่มการสะสมของไขมันในร่างกาย ทำให้อ้วนง่าย
3. อาการบวมน้ำและความดันโลหิตสูง สเตียรอยด์ มีฤทธิ์ทำให้ร่างกายสะสมน้ำมากขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมได้ทั่วตัว และอาจทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น จนส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจและไตวายได้ ดังนั้นผู้ที่ใช่ยานี้ควรลดปริมาณการกินเกลือ น้ำปลา ผงชูรส และอาหารรสเค็มอื่นๆ
4. ภูมิคุ้มกันทำงานต่ำ ในผู้ป่วยโรคที่ใช้สเตียรอยด์เพื่อใช้กดภูมิคุ้มกันนั้น จะทำให้ติดเชื้อและเจ็บป่วยง่ายกว่าปกติ ในรายที่ติดเชื้อรุนแรงจนเข้าสู่กระแสเลือดอาจจะทำให้เกิดภาวะไตวายได้ ดังนั้นผู้ที่ใช้ยานี้ จึงไม่ควรกินอาหารหมักดอง อาหารดิบ แม้แต่ผักผลไม้สด ก็ต้องล้างให้สะอาดหรือต้มก่อนกิน และหากต้องเข้าในบริเวณที่มีฝุ่น หรือเชื้อโรคให้ระวังการติดเชื้อจากอากาศควรใช้ผ้าปิดจมูกด้วยเสมอสำหรับผู้ที่อยากใช้ยาสมุนไพรแผนโบราณอย่างปลอดภัยไม่มีการปลอมปนสเตียรอยด์ ขอให้หาซื้อยาจากร้านขายยาแผนโบราณหรือร้านขายยาแผนปัจจุบันที่มีเภสัชกรประจำร้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะยาที่ปลอมปนสเตียรอยด์เป็นยาที่ผิดกฎหมาย จึงมักจะแอบลักลอบขายตามร้านขายของชำ รถเร่ หรือใส่ตระกร้าหิ้วมาขายกันมากกว่า

วิธีใช้สเตียรอยด์ให้ปลอดภัย

สเตียรอยด์จัดเป็นยาควบคุมพิเศษ โดยเฉพาะชนิดกินและฉีด ต้องอยู่ในความดูแลของหมอ ไม่ควรหยุด หรือ ปรับยาเองแม้ไม่มีอาการแล้ว เรื่องนี้สำคัญมากจำไว้ว่า ไม่ควรหยุดยาเองเด็ดขาด หากมีอาการไม่ดีให้กลับไปหาหมอพร้อมนำยาไปด้วย และเนื่องจากสเตียรอยด์ มีผลข้างเคียงมาก การจะใช้ได้อย่างปลอดภัยนั้น จึงไม่ได้ขึ้นกับการกินยาตามที่หมอสั่งเท่านั้น เพราะอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา อาจเกิดจากปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น เรื่องอาหาร หากหมอให้อธิบายอาการ ควรเล่าถึงสิ่งที่กินที่อาจจะมีผลทำให้เกิดอาการ เช่น กินเค็ม รสจัด อาหารมัน อาหารหมัดดอง อาหารไม่สุก ความสะอาดของอาหารและน้ำดื่มที่อาจจะเป็นประโยชน์ ต่อการค้นหาสาเหตุและการรักษา


วิธีเลิกใช้สเตียรอยด์

ผู้ป่วยที่กำลังรักษาโรคกับหมอ โดยหมอสั่งใช้สเตียรอยด์ขนาดสูง เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ยาต่อ หมอจะค่อยๆลดขนาดยาลงให้ โดยหมอจะไม่ให้หยุดหรือเลิกใช้ยาในทันที เพื่อไม่ให้เกิดภาวะช็อก ซึ่งปกติจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน จึงจะหยุดยาได้ผู้ป่วยโรค เอสแอลอี (SLE หรือโรคพุ่มพวง) โรคไตรั่ว โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคอื่นๆที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องกินสเตียรอยด์เพื่อกดภูมิคุ้มกันไว้ แต่หากผู้ป่วยอยากจะเลิกใช้สเตียรอยด์ เนื่องจากกลัวผลเสียจากการใช้ยาหรือทนผลข้างเคียงจากการใช้ยาไม่ไหว จะต้องปรึกษาหมอและเภสัชกรก่อน เพื่อพิจารณาผลดีผลเสีย ที่จะเกิดขึ้นหลังจากหยุดใช้ยา และขอให้ระลึกไว้เสมอว่า แม้ในปัจจุบันจะมีวิธีการรักษาแบบแพทย์ทางเลือกมากมายที่มาทดแทนการใช้สเตียรอยด์ได้ เช่น การใช้ยาสมุนไพร การฝังเข็ม การรักษาด้วยเทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็ก แต่ผลการรักษาก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน การรักษาโดยใช้แพทย์ทางเลือกจึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นในบางกรณีอาจเกิดผลเสียมากกว่าการใช้สเตียรอยด์เสียอีกผู้ที่ซื้อยาสมุนไพร ยาแผนโบราณหรืออาหารเสริมมากินเองเป็นเวลานานแล้ว หากสงสัยว่ายาที่กินจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ขอให้รีบไปให้หมอตรวจ เพื่อปรึกษาวิธีลดการใช้ยา ห้ามหยุดยาเองโดยทันทีเด็ดขาดอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และไม่ควรกินยาที่สงสัยนั้นต่อ เพราะจะส่งผลเสียต่อระบบต่างๆของร่างกายซึ่งเป็นอันตรายมาก

การส่งต่อหรือพบแพทย์

สำหรับผู้ที่กินยาที่อยู่กลุ่มเสี่ยงชนิดต่างๆ เช่น สมุนไพรประดง ยาลูกกลอน หรือยาแผนโบราณอื่นๆที่อาจมีสเตียรอยด์ผสมอยู่ ไม่ควรหยุดยาด้วยตนเอง เนื่องจากยาในรูปแบบดังกล่าวมักมีการผสมสเตียรอยด์ลงไป ในปริมาณมากกว่ายาปกติ เคยตรวจพบว่าบางชนิดมีสเตียรอยด์ผสมอยู่ทั้ง 2 ตัว ทั้งเดกซาเมธาโซน และ เพรดนิโซโล นอกจากนี้ยังมีข้อมูลตรวจพบว่ามีปริมาณสเตียรอยด์ผสมมากถึง 10 เท่า ถ้าหากผู้ใช้ยาหยุดใช้ยาอย่างกะทันหัน อาจจะทำให้เกิดภาวะช็อกได้ ดังนั้นวิธีปฏิบัติที่แนะนำคือ ให้ผู้ที่ใช้ยาพร้อมทั้งนำยาที่ตนเองใช้ไปที่พบหมอเพื่อขอให้ตรวจสอบว่ายานั้นมี สเตียรอยด์ผสมอยู่หรือไม่ และหมอจะได้ทำการตรวจร่างกายดูความผิดปกติเพื่อจะรักษาหรือป้องกันได้ถูกทางและหากผู้ใช้ยาหรือผู้เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งเบาะแสผู้นำยาหรือผลิตภัณฑ์ที่น่าสงสัยมาขาย จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการสกัดกั้นยาเหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อรายต่อไปได้


สเตียรอยด์ ดี ร้าย อย่างไร